สหประชาชาติ (UN) ได้เรียกร้องให้มีการชะลอการใช้งานระบบ AI ไม่ให้กว้างขวาง จนกว่าจะมีข้อบังคับที่ดี และโปร่งใสกว่าในขณะนี้ เพื่อป้องกันอันตรายในหลายด้านจากใช้งาน เมื่อวานนี้ (15 ก.ย. 2564) – สหประชาชาติ (United Nations – UN) ได้ทำการเปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ที่มีใจความสำคัญถึง การให้มีการชะลอการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent – AI) ไม่ให้กว้างขวางไปก่อน จนกว่าจะมีการบัญญัติ หรือกำหนดข้อบังคับ/กฎหมายที่ดี และมีความโปร่งใส่ในการใช้งานระบบดังกล่าวให้มากกว่านี้
Michelle Bachelet, กรรมธิการขั้นสูงสำหรับด้านมนุษยชน ได้กล่าวว่า
ระบบ AI นั้น สามารถที่จะเป็นกำลังในด้านที่ดีได้ แต่ว่าก็สามารถที่จะเป็นสิ่งที่มีผลในแง่ลบ จนถึงขั้นวิกฤติได้ ถ้ามีการใช้งานโดยไม่พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ตามเนื้อหาของรายงานวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น ได้กล่าวว่า ระบบ AI นั้น สามารถจะส่งผลในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ว่าจะเป็น ความเป็นส่วนตัว, สุขภาพ, การศึกษา เช่นเดียวกันกับด้านสิทธิในการเคลื่อนไหว, การแสดงออก และการรวมตัวกันของผู้คน
รายงานของ Bachelet ยังได้กล่าวอีกว่า เนื่องด้วยการเติบโตของการใช้งานอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้การศึกษาถึงวิธีการในการทำงานของระบบ AI ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวข้อมูล, สะสมกักเก็บข้อมูล และการใช้งานข้อมูล ถือว่าเป็นหนึ่งในคำถามในด้านสิทธิมนุษยชนที่เร่งด่วนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
“ความเสี่ยงในการแบ่งแยกมีการเชื่อมต่อกับการตัดสินใจที่ผลักดันโดย AI – การตัดสินใจที่สามารถเปลี่ยนแปลง, กำหนด หรือทำลายชีวิตของมนุษย์ได้ – ถือว่าเป็นอะไรที่เกินไป”
Bachelet ได้กล่าวประมาณว่า “เราไม่สามารถที่จะเล่นวิ่งไล่จับในประเด็นนี้ได้อีกต่อไป เนื่องด้วยระบบ AI ได้ให้พลังอำนาจอย่างไร้ซึ่งขีดจำกัด และสามารถจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชนอย่างเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนที่ว่าเราไม่สามารถปฏิเสธพลังของ AI ได้ แต่ดังนั้นแล้วเราจึงต้องมีการกำหนดทิศทางของการใช้งานโดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน เพื่อประโยชน์ที่ดีสุดแก่พวกเราทุกคน”
กูเกิล ถูก เกาหลีใต้ สั่ง ปรับเงิน กว่า 5.8 พันล้านบาท จากกรณีผูกขาดตลาด ด้านกูเกิ้ลเตรียมยื่นอุทธรณ์ ชี้ทำผู้บริโภคเสียประโยชน์ เมื่อวันที่ 16 กันยายน สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลการผูกขาดของเกาหลีใต้ หรือ KTFC ได้สั่งปรับกูเกิลเป็นเงินกว่า 5.8 พันล้านบาท หลังจากที่ทางกูเกิ้ลห้ามไม่ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนปรับแต่งระบบปฏิบัติการ แอนดรอย และกดดันให้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนติดตั้งระบบปฏิบัติการของกูเกิล
ซึ่ง KTFC ชี้ว่า สัญญาของบริษัทกูเกิลนั้นมีข้อบังคับที่จำกัดให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่างบริษัท ซัมซุง ให้ติดตั้งระบบปฏิบัติการของกูเกิล โดยทาง KTFC ยังระบุต่ออีกว่า สัญญาข้อตกลงของกูเกิลนั้น เป็นการจำกัดการแข่งขัน และขัดขวางการใช้ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยบริษัทอื่น
ทั้งนี้ทางกูเกิลออกมาแถลงโต้ตอบว่า การตัดสินดังกล่าวถือเป็นการมองข้ามประโยชน์การใช้งานแอนดรอยด์ร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ และเป็นการทำลายผลประโยชน์ของผู้บริโภค ซึ่งทางกูเกิลยืนยันว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าวในเร็วๆนี้
ย้อนกลับไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการเกาหลีใต้ได้ผ่านร่างกฏหมาย สั่งห้ามไม่ให้ผู้ผลิตมือถือบังคับให้ผู้บริโภคจ่ายเงินผ่านระบบของตนเอง โดยกฏหมายดังกล่าวเป็นมุ่งเน้นไปที่กูเกิลและแอปเปิลที่บังคับให้ผู้บริโภคต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 30
แฟน F1 งง! ถูกจับ หลัง ตร.เข้าใจผิดเป็น หัวหน้าแก๊งมาเฟียอิตาลี
แฟน F1 สุดซวย หลังจากเดินทางไปเนเธอร์แลนด์เพื่อชมการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง แต่ถูกตำรวจจับ เพราะเข้าใจผิดว่าเป็น หัวหน้าแก๊งมาเฟียอิตาลี เมื่อวันที่ 14 กันยายน สำนักข่าว นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เข้าจับกุมชายที่พวกเขาคิดว่าคือ มัตเตโอเมสซี เดนาโร หัวหน้าแก๊งมาเฟียในซิซิลี อิตาลีที่กำลังหลบหนีตามคำร้องขอของทางการอิตาลี ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าชายคนดังกล่าว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบดีๆ พบว่าเขาจับผิดคน
โดยชายคนดังกล่าวที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคือนาย มาร์ค แอล ชายชาวอังกฤษที่เกิดในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ที่เดินทางมายังประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อชมการแข่งขัน รถสูตรหนึ่ง (Formula 1) เมื่อช่วงวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา
นาย ลีออน แวน คลีฟ ทนายความ ได้เล่าว่า เขาได้รับการติดต่อจากชายที่คาดว่าเป็นมาเฟียที่ขอให้เขาเป็นตัวแทนทางกฎหมายให้ ด้วยความฉงนว่าเพราะเหตุใดถึงมาเฟียชาวอิตาลีต้องการให้เขาว่าความให้ และเมื่อไปพบกับนาย มาร์ค ก็พบว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นแค่ชายชาวอังกฤษธรรมดาๆ
เคราะห์ดีที่ผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัว ในวันเสาร์ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยืนยันได้ว่าชายคนนี้ไม่ใช่หัวหน้าแก๊งมาเฟียในอิตาลีจริง ซึ่งนาย แวน คลีฟ ระบุว่า “ลองนึกภาพดูว่าตอนนั้นคุณกำลังกินอะไรเพลินๆ และอยู่ดีๆ ก็ไปโผล่ในเรือนจำที่มีความปลอดภัยสูงสุดในเนเธอร์แลนด์ มันเป็นเหมือนฝันร้ายของเขา เขาคือแฟน F1 ธรรมดา”
มัตเตโอเมสซี เดนาโร อยู่ในรายชื่อที่ทางการอิตาลีต้องการตัว ตั้งแต่ปี 2536 หลังจากที่ เขาได้ลงมือสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการ พร้อมยังวางระเบิดรถยนต์ที่คร่าชีวิตผู้คนหลายสิบศพ และบาดเจ็บอีกเกือบร้อยในโดย เดนาโร ได้รับฉายาว่าเป็น ‘อาชญากรที่ยุโรปต้องการตัวมากที่สุด’
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง